ชิปปิ้งจากจีน อุตสาหกรรมขนส่งทางเรือกับผลกระทบจาก COVID-19

ชิปปิ้งจากจีน อุตสาหกรรมขนส่งทางเรือกับผลกระทบจาก COVID-19 thaitopcargo ชิปปิ้งจากจีน ชิปปิ้งจากจีน อุตสาหกรรมขนส่งทางเรือกับผลกระทบจาก COVID-19 3 768x402

ชิปปิ้งจากจีน จีนเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญในภาคการขนส่งทุกอย่าง ตั้งแต่อาหารสดไปจนถึงโทรศัพท์ เสื้อผ้า รวมถึงชิ้นส่วนอุตสาหกรรม โดยมีสัดส่วนการค้าทางทะเลประมาณร้อยละ 40 การขนส่งทางทะเล จึงเป็นอีกอุตสาหกรรมหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 เข้าอย่างจัง

ผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19 นั้น คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อรายรับที่สูญเสียไปจากอุตสาหกรรมการขนส่งทางเรือมูลค่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐต่อสัปดาห์ การดำเนินการทั้งหมดในท่าเรือแม่น้ำแยงซีถูกระงับ และส่งผลกระทบต่อการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ เดิมทีได้ลดลงอยู่แล้วในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาเนื่องจากทางเป็นช่วงเวลาของการพักผ่อนและปิดโกดังในเทศกาลปีใหม่จีน

ภายหลังต้องเผชิญหน้ากับไวรัสระบาดต่อ จึงทำให้โกดังสินค้าจีนปิดชั่วคราวเพื่อรอให้สถานการณ์ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันจะมีการเปิดให้บริการท่าเรือขนส่งสินค้าตามปกติแล้ว เป็นที่คาดการณ์กันว่า ผลกระทบจาก Covid-19 อาจยังส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน และอุตสาหกรรมขนส่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังต่อไปนี้

1. การค้าตู้คอนเทนเนอร์ประสบความล้มเหลวครั้งใหญ่

การค้าตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลก(ชิปปิ้งจากจีน) ซึ่งเชื่อมโยงกับจีน โดยเฉพาะเส้นทาง จีน – เอเชีย จีน – ยุโรป และจีน – อเมริกาเหนือ ได้ประสบกับความล้มเหลวครั้งใหญ่ ผู้ผลิตสินค้าที่บรรจุตู้คอนเทนเนอร์หลายแห่งได้หยุดหรือลดการผลิตลงเนื่องจากขาดแคลนแรงงาน วารสาร Wall Street Jjournal ระบุว่ามีการสูญเสียสายการขนส่งสินค้าโดยคิดเป็นมูลค่า 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ/สัปดาห์ นอกจากนี้ บริษัทเดินเรือ AP Moller-Maersk โดยกลุ่มธุรกิจชาวเดนมาร์ก ประกาศยกเลิกการเดินทางขาออกจากจีนชั่วคราวหลังมีการประกาศภาวะฉุกเฉินทางสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับไวรัสดังกล่าวอย่างไรก็ตาม ด้วยผลกระทบของ COVID-19 ในการผลิตของจีน ท่าเรือและการส่งออกไปยังลอสแองเจลิส จึงถูกคาดการณ์ไว้ว่าปริมาณตู้คอนเทนเนอร์จะลดลงเป็นจำนวน 25% ในเดือนกุมภาพันธ์และคิดเป็น 15% สำหรับไตรมาสแรกของปี 2020

2. โรงงานผลิตชิ้นส่วนอุตสาหกรรมทั่วโลกปิดอัตโนมัติ

เกี่ยวข้องกับการปิดโรงงานผลิตรถยนต์ในประเทศจีน ซึ่งส่วนใหญ่มีฐานการผลิตกระจายในประเทศกลุ่มเสี่ยง อาทิ ในจีนมี Volkswagen, GM และ Toyota ได้ปิดโรงงานตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นวันหยุดตรุษจีนและยังไม่ได้เปิดโรงงาน เนื่องจากข้อจำกัดด้านการเดินทาง และขาดความพร้อมในห่วงโซ่อุปทาน อันเป็นผลมาจากการระบาดของ COVID-19 ผลกระทบดังกล่าวยังเพิ่มความกังวลขึ้นในประเทศกลุ่มเสี่ยงด้วย เช่น Hyundai ได้ปิดโรงงานในประเทศเกาหลีใต้ ด้าน Nissan ในญี่ปุ่น เผยว่ากำลังหาวิธีจัดการและปรับปรุงการผลิต เนื่องจากขาดแคลนชิ้นส่วนการผลิตจากประเทศจีน ส่วน Renault ในเกาหลีใต้ก็หยุดการผลิตลงชั่วคราว เนื่องจากการหยุดชะงักในการจัดหาชิ้นส่วนในจีน รวมไปถึงบริษัทผลิตรถยนต์ในยุโรป เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกพึ่งพาชิ้นส่วนอุตสาหกรรมจากประเทศจีน(ชิปปิ้งจีน)เช่นเดียวกัน

3. อู่ต่อเรืองถูกทิ้งร้าง

จากคำสั่งกักกันสินค้าในประเทศจีน อู่ต่อเรือหลายแห่งถูกทิ้งร้างและขาดงาน รวมไปถึงความไม่พร้อมของคนงาน ทำให้กิจกรรมการก่อสร้างเรือนั้นล่าช้าลง ทำให้สูญเสียเงินจำนวนมาก รัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลเจียงซี ปฏิเสธที่จะอนุญาตให้ต่อเรือกับอู่ต่อเรือ Jingjiang สิ่งนี้ทำให้อู่ต่อเรือหลายแห่งต้องออกประกาศเหตุสุดวิสัยและขอขยายเวลาการส่งมอบสินค้าออกไป4. ภาคการขนส่งพลังงานอัตราผู้ให้บริการน้ำมันดิบขนาดใหญ่ (VLCC) ในภาคอ่าวเปอร์เซีย ลดลงอย่างมาก จาก 103,052 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน เหลือเพียง 18,326 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึง 18 มกราคม เนื่องจากความต้องการเชื้อเพลิงเหลว ตามสำนักงานพลังงานสากลทั่วโลก IEA (International Energy Agency) ลดลงในประเทศจีนสำหรับเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ลดลงถึง 378,000 บาร์เรลต่อวัน (bpd) ซึ่งความต้องการของจีนจะลดลงโดยเฉลี่ย 190,000 bpd ในทำขณะเดียวกัน IEA คาดว่า ความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลง 435,000 บาร์เรลต่อวันในไตรมาสแรกของปีนี้ ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบเป็นรายปีในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา

ที่มา : https://www.hellenicshippingnews.com