ชิปปิ้งจีน FTL หรือ LTL ? จัดส่งทางรถแบบไหนดี ที่เหมาะกับธุรกิจ

ชิปปิ้งจีน FTL กับ LTL แตกต่างกันอย่างไร Thaitopcargo ชิปปิ้งจีน ชิปปิ้งจีน FTL หรือ LTL ? จัดส่งทางรถแบบไหนดี ที่เหมาะกับธุรกิจ                                FTL           LTL                                                     Thaitopcargo 768x402

ชิปปิ้งจีน ผู้ประกอบการในยุคปัจจุบัน มีทางเลือกมากมายเกี่ยวกับรูปแบบการจัดส่งสินค้า หลักๆ ขึ้นอยู่กับขนาดของบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการขนส่ง โดยเฉพาะหากคุณเลือกแล้วว่าต้องการขนส่งทางรถบรรทุก มี 2 รูปแบบที่คุณต้องรู้ คือ LTL กับ FTL

LTL คือการขนส่งแบบไม่เต็มคันรถ ตรงกันข้ามกับ FTL ที่เป็นการขนส่งแบบเต็มคันรถ เรามาดูกันว่าการขนส่งทั้ง 2 รูปแบบดังกล่าวนี้ มีอะไรที่แตกต่างกัน รวมทั้งอะไรคือข้อดีและข้อเสียที่ผู้ประกอบการควรรู้ก่อนเลือกใช้บริการ

รู้จักกับ FTL และ LTL

LTL ย่อมาจาก Less than Truckload ส่วน FTL ย่อมาจาก Full Truckload Freight โดย LTL เป็นการขนส่งสินค้าของลูกค้าหลายๆ คน มารวมกันอยู่ในตู้รถคันเดียว เหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าได้ไม่เกิน 12 พาเลท (Pallets หรือแท่นรองสินค้า นิยมแพ็ครวมกับสินค้าเพื่อให้ขนย้ายง่ายและป้องกันสินค้าเสียหายระหว่างการขนส่ง) หรือจัดเรียงแถวพาเลท แถวละ 6 พาเลท (รวมทั้งหมด 12 พาเลท) อย่างไรก็ตาม กรณีที่มากกว่าแถวละ 6 พาเลท LTL อาจจะยังรองรับได้อีกเล็กน้อย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพของรถบรรทุกแต่ละคัน

เมื่อไหร่ที่ควรใช้ FTL และ LTL

จริงๆ แล้ว การขนส่งสินค้าจากจีนหรือชิปปิ้งจีนมาไทย ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าเมื่อไหร่ควรใช้ LTL หรือ FTL แต่ก็มีบางสถานการณ์ที่การบรรทุกขนถ่ายเต็มตู้อาจเหมาะสมกว่า เช่น หากคุณต้องการจัดส่งสินค้ามากกว่า 12 พาเลทในคราวเดียว FTL ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และหากสินค้าที่ขนส่งนั้นเปราะบางและมีความเสี่ยงสูงเมื่อต้องบรรทุกรวมกับผู้ใช้บริการหลายรายภายในตู้เดียวกัน การขนส่งแบบ FTL ดูจะเหมาะสมมากกว่า เนื่องจากเป็นการเหมาตู้เดียวเพื่อขนส่งสินค้าของคุณเท่านั้น และไม่มีการจอดแวะขนถ่ายสินค้าในระหว่างทาง เป็นการขนส่งจากจุดรับและจุดส่งปลายทางทีเดียว จึงมั่นใจได้ว่าสินค้าจะมีความปลอดภัยมากกว่า

หากมีการขนส่งที่น้อยกว่า 12 พาเลท การเลือกแบบ LTL จะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากกว่าหรือจ่ายเฉพาะสินค้าที่ขนส่งเท่านั้น เนื่องจาก LTL เป็นการรวมสินค้าจากผู้ขนส่งรายอื่นๆ ด้วย จึงต้องมั่นใจด้วยว่าสินค้าของคุณมีการหีบห่อที่หนาแน่นพอเมื่อต้องขนส่งร่วมกับสินค้าของผู้ใช้บริการรายอื่น รวมทั้งมีความแข็งแรงพอในการขนถ่าย ณ คลังสินค้าเพื่อเตรียมนำส่งมอบในรอบต่อไป อย่างไรก็ตาม การขนส่งแบบ LTL นั้น เหมาะกับสินค้าที่รอได้ เนื่องจากต้องใช้ระยะเวลา 2-3 วันในการขนส่ง ซึ่งจะนานกว่าแบบ FTL ที่ไม่มีการขนถ่ายสินค้าไว้ ณ คลังสินค้า

ความแตกต่างระหว่าง FTL กับ LTL สำหรับชิปปิ้งจีน
  • ที่ชัดเจนที่สุดคือค่าใช้จ่าย โดย LTL ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าในกรณีที่คุณขนส่งด้วยพาเลทเพียง 2-3 พาเลท มันจะช่วยประหยัดมากกว่าการเหมาตู้แบบ FTL ซึ่งต้องจ่ายแบบเต็มคันรถ
  • พนักงานขับรถ FTL สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามเวลานัดหมายที่แน่นอน แต่สำหรับ LTL คุณอาจต้องเผื่อเวลาไว้ เพราะตามปกติแล้ว LTL มีการรับส่งสินค้าหลายที่ ทำให้ไม่สามารถรับประกันเวลาส่งมอบที่แน่นอนได้ เพียงแค่ประมาณการณ์ช่วงเวลาได้เท่านั้น
  • การขนส่งแบบ FTL จะทำการโหลดสินค้า ณ ต้นทางเพื่อปิดผนึกและไปส่งยังปลายทางทีเดียว แต่สำหรับ LTL นั้น สินค้าของคุณจะถูกโหลดขึ้นบนรถบรรทุก ยกลง ณ คลังสินค้า ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น แต่อาจจะหลายๆ ครั้งจนกว่าจะถึงปลายทาง ดังนั้น การขนส่งแบบ LTL จึงอาจมีจำนวนสินค้าจากผู้ใช้บริการรายอื่นที่เพิ่มขึ้นมาภายในตู้รถ ทำให้สินค้าของคุณเสี่ยงกับความเสียหายได้ง่ายกว่าแบบ FTL
ตารางเปรียบเทียบระหว่าง FTL และ LTL
ชิปปิ้งจีน ชิปปิ้งจีน FTL หรือ LTL ? จัดส่งทางรถแบบไหนดี ที่เหมาะกับธุรกิจ                                                        LTL           FTL                                thaitopcargo 1024x1024
 
อย่างไรก็ตาม สินค้าบางประเภทอาจเหมาะสำหรับการขนส่งทางรถบรรทุก ในขณะที่สินค้าบางประเภท ขนส่งทางเรืออาจจะเหมาะสมมากกว่า เช็คข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่