ชิปปิ้ง ธุรกิจ Startup ปั้นยังไง ให้ไปถึงฝัน

ชิปปิ้ง ธุรกิจ Startup ปั้นยังไง ให้ไปถึงฝัน Thaitopcargo ชิปปิ้ง ชิปปิ้ง ธุรกิจ Startup ปั้นยังไง ให้ไปถึงฝัน startup 768x402

ชิปปิ้ง ในวันที่เราเริ่มทำธุรกิจ สิ่งที่ทุกคนคาดหวังคือความสำเร็จ

ยุคนี้ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Startup เป็นธุรกิจตามกระแสและมาแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจทางด้านเทคโนโลยี ไอที การพัฒนาซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันต่างๆ 

แม้ว่าธุรกิจ Startup จะมีความเสี่ยงที่จะล้มเหลวสูง ทว่าเทคโนโลยี ก็เป็นช่องทางที่สามารถทำเงินได้ง่ายที่สุด และช่วยให้คนสนใจใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างรายได้และอาชีพให้กับตนเอง

Paul Graham จาก Y Combinator ศูนย์บ่มเพาะชื่อดัง TOP 5 ของโลกในอเมริกา ได้เขียนไว้ในบทความว่า “Startup ที่ดีต้องโตเร็ว” นั่นหมายความว่า ธุรกิจ Startup จะมีลักษณะที่แตกต่างจากธุรกิจ SME ทั่วๆ ไปตรงที่ เน้นการเติบโตที่เร็วกว่าในระยะเวลาไม่กี่ปี และใช้ทรัพยากรมนุษย์น้อยกว่า

สำหรับประเทศไทย ถือเป็นตลาดที่น่าสนใจในการลงทุนธุรกิจ Startup เนื่องจากมีศักยภาพสูง แต่ใช้งบประมาณในการเริ่มต้นลงทุนที่ไม่สูงมากนัก อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Startup จะเป็นธุรกิจที่ก้าวกระโดด แต่การเติบโตง่ายและเร็วนั้น ย่อมแลกมาด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆ ที่ Startup ต้องประสบเป็นอย่างมากเช่นกัน
ดังนั้นก่อนจะเริ่มต้นทำธุรกิจ Startup จึงควรศึกษาให้ดีก่อนว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ธุรกิจ Startup ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว

Paul Graham ยังได้อธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า ธุรกิจ Startup ที่จะประสบผลสำเร็จได้นั้น ต้องมีคุณสมบัติหลัก คือ
“ต้องทำธุรกิจ ที่นำเสนอสิ่งที่เป็นความต้องการของตลาดขนาดใหญ่และต้องมีความสามารถในการเข้าถึงตลาดนั้นให้ได้”
Bill Gross นักลงทุนและผู้ก่อตั้งบริษัท Idealab ในสหรัฐอเมริกา ได้ทำการวิจัยและสรุปปัจจัยที่จะทำให้ธุรกิจ Startup ประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว โดย Thaitopcargo เรียบเรียงเป็นข้อ ๆ ดังต่อไปนี้

1. ไอเดียหรือแนวคิดในการทำธุรกิจ (Idea) ต้องตอบโจทย์ปัญหา (Pain Point) ของผู้บริโภค ต้องมีความแปลกใหม่น่าสนใจ และสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เพื่อการเติบโตของธุรกิจที่ยั่งยืน นอกจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำ Startup จะต้องทดสอบไอเดียของคุณก่อนลงมือทำ

2. ทีมงาน (Team) ธุรกิจไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยคนๆ เดียว และการคัดเลือกคนที่จะมาร่วมงานในทีมของคุณนั้น นับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก รวมไปถึงวิธีการทำงาน และการปรับตัวให้เข้ากับสภาพธุรกิจ

3. โมเดลธุรกิจต้องชัดเจน (Business Model) กลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือใคร และจุดไหนที่จะเป็นจุดสร้างรายได้ “แผนธุรกิจที่ชัดเจนจะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง” ซึ่ง Bill Gross เชื่อว่า นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดใน 5 ปัจจัย

4.เงินทุน (Funding) เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเริ่มต้นทำธุรกิจ ถ้า Startup ได้รับเงินทุนจำนวนมาก นั่นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญหรือเปล่า ? หากวิเคราะห์ให้ลึก จะพบว่าการมีเงินทุนที่มากพอ ก็ไม่สามารถรับรองได้ว่า ธุรกิจของคุณจะไปรอดหรือไม่ นอกจากนี้ การบริหารเงินทุน การทำบัญชีอย่างรอบคอบก็เป็นส่วนสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน

ธุรกิจ Startup จะมีการหาเงินทุนจากนักลงทุน และแน่นอนว่า นักลงทุนจะต้องได้สิทธิ์ในการแบ่งปันรายได้หรือเป็นหุ้นส่วนในบริษัทไปด้วย ซึ่งประเภทของนักลงทุนจะมี 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ Angle Investor และ Venture Capital

♦ นักลงทุนประเภท Angle Investor จะลงทุนแบบควักกระเป๋าตัวเอง จ่ายให้กับ Startup ที่เพิ่งจะเริ่มต้น หากเห็นว่าไอเดีย Startup นั้นน่าสนใจ น่าลงทุน และจะให้เงินทุนนำไปต่อยอดในเรื่องการจ้างบุคลากรเพื่อนำไปพัฒนาสินค้า/บริการ

♦ นักลงทุนประเภท Venture Capital หรือเรียกสั้น ๆ ว่า VC เป็นนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งต่างกับ Angle Investor ตรงที่จะไม่ค่อยเสี่ยงลงทุนกับ Startup ที่อนาคตยังไม่แน่นอน แต่หากนักลงทุนประเภทนี้เลือกลงทุน ก็จะทุ่มเงินในระดับร้อยล้านเลยทีเดียว

5.จังหวะเวลา (Timing) ถ้าหากธุรกิจเปิดตัวและดำเนินการในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เช่น เป็นช่วงที่ตลาดกำลังอิ่มตัวหรือมีตัวเลือกอื่นๆ ที่สามารถเป็นคู่แข่งของคุณ ก็มีความเสี่ยงสูงที่ธุรกิจจะไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม คุณจึงควรตรวจสอบช่วงเวลานั้นๆ ให้ดีกว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของคุณพร้อมหรือยังกับสิ่งที่คุณจะนำเสนอให้ ซึ่งต้องประเมินอย่างตรงไปตรงมา และอย่าหลอกตัวเองกับผลลัพธ์ที่เห็น

ล้อมกรอบ
“การทำ Startup คือการยอมใช้ชีวิตไม่เหมือนคนอื่นทั่วไป 2 ปี เพื่อที่จะได้มีชีวิตที่คนทั่วไปไม่มี ไปตลอดชีวิต”