ชิปปิ้ง เป็นธุรกิจที่มาแรงและกำลังเติบโตไปได้สวย ข้อมูลจาก Bureau of Labor & Statistics ระบุว่ารายได้เฉลี่ยของอาชีพเกี่ยวกับชิปปิ้งในปี 2016 อยู่ที่ 74,170 US/ปี หรือประมาณ 2 ล้านกว่าบาท เฉลี่ยเดือนละเกือบ 2 แสนบาท และยังมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี
โลกของการทำธุรกิจไม่มีวันหยุด แรงงานเฉพาะทางด้านชิปปิ้งหรือโลจิสติกส์ยังคงเป็นที่ต้องการ และต่อไปนี้คือ 10 อันดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในสหรัฐ สำหรับผู้ที่อยากเพิ่มพูนความรู้ด้านโลจิสติกส์ จัดอันดับคะแนนสอบเข้ามากไปน้อย (ข้อมูลอ้างอิง www.collegechoice.net )
- Massachusetts Institute of Technology (MIT)
MIT ถูกจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกจากนิตยสาร Forbes และ Washington Monthly โปรแกรมโลจิสติกส์ของที่นี่เป็นหลักสูตรร่วมระหว่าง MIT และมหาวิทยาลัย Zaragoza ของสเปน โดย Eduniversity หน่วยงานจัดอันดับระดับอุดมศึกษาประเทศฝรั่งเศส ยกให้โปรแกรมโลจิสติกส์ของ MIT เป็นอันดับ 1 ของโลก ส่วนสเปนจัดให้เป็นที่ 1 สาขาโลจิสติกส์ในประเทศต่อเนื่องถึง 7 ปี
- University of Southern California (USC)
ภายในประกอบด้วยสถาบันการศึกษา The Marshall School of Business และ Viterbi School of Engineering ซึ่งเป็นสองสถาบันติดอันดับ 2 ใน 10 ที่โด่งดังด้านธุรกิจและโลจิสติกส์ของสหรัฐอเมริกา โดย USC เน้นการเรียนด้านวิทยาศาสตร์และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ในคอร์สเรียนมีทั้งการทำโปรเจค, Case Study และทริปดูงานต่างประเทศ
- Lehigh University
ลีไฮ เป็นสถาบันการศึกษาที่ได้รับการกล่าวขานเป็นไอวี่ลีคที่ถูกปิดซ่อนเอาไว้ ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยขนาดเล็ก มีจำนวนนักศึกษาเพียง 5,000 คน แต่คะแนนสอบเข้าสูงไม่น้อยหน้ามหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐฯ สำหรับสาขาโลจิสติกส์ที่เปิดสอนเป็นหลักสูตร MBA ซึ่งจะรวมไปถึงการจัดการห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดในระบบโลจิสติกส์
- Northeastern University
U.S News & World Report (สถาบันข่าวสารและการจัดอันดับมหาวิทยาลัย) ยกให้ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนวัตกรรมทันสมัยเป็นอันดับ 6 ของสหรัฐฯ โปรแกรมการศึกษาเป็นการเรียนร่วมกันของระดับปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษา ในส่วนของการเรียนโลจิสติกส์เป็นหลักสูตร MBA ซึ่งคลาสในปี 2016 นั้น จำนวนนักศึกษาที่จบออกไป 100% ได้รับการจ้างงานทันทีแบบไม่ต้องรอ
- Boston University
ที่นี่มีนักเรียนมาสมัครเรียนกว่า 33,000 คนจาก 17 โรงเรียนมัธยมทั่วสหรัฐฯ สำหรับคอร์สปริญญาโทการจัดการด้านโลจิสติกส์มี 10 คอร์ส ครอบคลุมด้านการขนส่งทั่วโลกไปจนถึงการออกแบบเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทางด้านโลจิสติกส์ นอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้นักศึกษาไปศึกษาดูงานต่างประเทศเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านธุรกิจและเศรษฐกิจโลก
- Arizona State University (ASU)
สถาบันการศึกษาแห่งนี้ เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีนักเรียนสมัครสอบเข้าสูงสุดในสหรัฐฯ หรือเป็นจำนวนมากกว่า 72,000 คนในปี 2017 ด้วยหลักสูตรวิทยาศาสตร์สาขาโลจิสติกส์ที่ใช้ระยะเวลาเพียง 9 เดือน นักศึกษาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับการจัดการห่วงโซ่อุปทานในระบบโลจิสติกส์และกรณีศึกษาของระบบโลจิสติกส์ทั่วโลก
- The Ohio State University (OSU)
OSU เป็นมหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของสหรัฐฯ ด้วยจำนวนนักเรียนเกือบ 60,000 คน สำหรับโปรแกรมการเรียนของ OSU เป็นหลักสูตรวิศวกรรมโลจิสติกส์ ใช้เวลาเรียน 15 เดือน มีทั้งการเรียนภาคสนามและยังมีโอกาสได้เรียนรู้การทำงานจากบริษัทต่างๆ ในประเทศอีกด้วย
- North Carolina State University
ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยที่มีขนาดใหญ่ที่สุดทั้งในแคโรไลน่าเหนือและใต้ มีจำนวนนักศึกษาเกือบ 32,000 คนจากระดับปริญญาตรีมากกว่า 100 คน ปริญญาโท 104 คน และปริญญาเอก 61 คน ซึ่งหลักสูตรโลจิสติกส์ที่นี่จะครอบคลุมถึงทั้งระบบโลจิสติกส์ทั้งหมด การออกแบบขั้นตอนการทำธุรกิจและการวิเคราะห์ การวางแผนและการควบคุม เป็นต้น
- Michigan State University
มิชิแกนเป็นมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์การเกษตรมาตั้งแต่ปี 1855 และในปี 2016 U.S. News & World Report ยกให้หลักสูตรปริญญาตรีด้านโลจิสติกส์และการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ดีเป็นอันดับ 1 ของสหรัฐฯ ในขณะที่หลักสูตรปริญญาโทโลจิสติกส์ มุ่งเน้นไปทาง MBA นักศึกษาจะได้ทำงานร่วมกับผู้นำระดับสูงด้านโลจิสติกส์ตลอดหลักสูตร
- Purdue University
สถาบันแห่งนี้มีนักศึกษามากกว่า 30,000 คน และมีนักศึกษาที่มีพรสวรรค์แตกต่างอย่างหลากหลาย ซึ่งในปี 2017 ได้รับการจัดให้เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่ดีที่สุดลำดับ 20 ในสหรัฐอเมริกา ส่วนหลักสูตรโลจิสติกส์จะมุ่งเน้นด้าน MBA มีโอกาสไปศึกษาดูงานด้านธุรกิจโลจิสติกส์ยังต่างประเทศ เช่น ในสเปนและยุโรป